ช่วงนี้เป็นช่วงที่ได้เคลียร์ตัวเองหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับพริม หรืออาจจะอีกหลายๆ คน คือ เรารู้สึกว่าเราต้อง "เก่ง" ตลอดเวลา

ความคิดนี้มันติดตัวเรามาตั้งแต่วัยเด็ก ตั้งแต่ผู้ใหญ่บอกว่าต้องสอบให้ได้ที่ 1 หรือต้องเรียนเก่งๆ หางานดีๆ ทำ เราไม่อาจโทษผู้ใหญ่ได้ เพราะเขาก็ถูกเลี้ยงมาในสังคมที่แข่งขันเหมือนกัน และเขาทำดีที่สุดที่เขาจะทำได้แล้ว

ณ ตอนนี้ เมื่อพริมโตขึ้น เราได้เข้าใจว่า เราต้องเป็นพ่อแม่ให้กับตัวเอง และ Parent ตัวเองใหม่ ด้วยความเข้าใจชุดใหม่ที่เป็นความเข้าใจของเราเอง เป็นสิ่งที่แต่ละคนเท่านั้นเองที่มีในแบบของตัวเอง วันนี้พริมเข้าใจว่า พริมไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องดี ไม่ต้องเป็นที่หนึ่ง ก็สามารถรับความรักได้ ณ ตอนนี้เลย

แต่การจะเข้าใจเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเราไถฟีดโซเชียลมีเดีย เราจะพบโพสต์เกี่ยวกับ Productivity เต็มไปหมด โพสต์เหล่านี้ "กระตุ้น" ให้เรารู้สึกว่า เรายังดีไม่พอ เรายังต้องเก่งกว่าคนอื่นๆ ทำเพิ่มขึ้นอีก ทั้งที่ยังไม่ได้ถามตัวเองเลยว่า "เราจะรีบไปไหน" และ "ทิศทางไหนคือทิศทางที่เราต้องการไปจริงๆ" ดูเหมือนว่า เสียงภายนอกได้เข้ามากลบเสียงภายใน ของความรู้จัก รู้ใจตัวเอง จนทำให้เราลืมไปเลยว่า "ฉันต้องการอะไรจริงๆ กันแน่"

"ฉันต้องการอะไรจริงๆ กันแน่?" คำถามสำคัญกว่าคำตอบ ไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลาเท่าไหร่ กว่าเราจะถามตนเองอย่างจริงจังด้วยคำถามนี้ - ว่ากันว่า เวลาออกเดินทาง ทิศทางสำคัญกว่าระยะทาง ถ้าเราไม่รู้ว่าเราจะไปไหน เราจะเดินไปอย่างถึงจุดหมายที่ถูกได้อย่างไร? ใจลึกๆ เราอาจจะอยากไปทิศเหนือ แต่พอดีว่าคนอื่นเขาตามกันไปทิศใต้ ถ้าเราตามเขาไปแบบนั้น เราจะถึงจุดหมายที่แท้จริงในใจไหม?

ตอนนี้พริมก็เลยกลับมาทำความเข้าใจตัวเองใหม่ "ฉันต้องการทำอาชีพอะไร?" "อะไรคือสิ่งที่ฉันรักและ Fulfill ทุกครั้งที่ทำมัน?" "ฉันจะเติบโตไปในทิศทางไหน?" "ทำยังไงฉันจะรักตัวเองได้มากขึ้นทุกวัน?" สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามสำคัญที่ต้องการการใคร่ครวญ นั่นคือสาเหตุที่ "การอยู่เฉยๆ" เป็นสิ่งสำคัญ (พริมเคยเขียนบทความเรื่อง "วินัยไม่ใช่คำตอบ" มีคนแชร์ไปเยอะพอควร ตอนนี้นำมาลงในเว็บส่วนตัวแล้วค่ะ https://www.primmalikul.com/discipline-is-not-answer/)

เวลาเราอยู่เฉยๆ จริงๆ เราสามารถทำงานภายในกับตนเองได้เหมือนกัน แม้จะชื่อว่าการทำงาน แต่จริงๆ เราไม่ได้คาดหวังอะไรนอกจากการเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้น และรักตัวเองได้มากขึ้น แค่สองอย่างนี้ก็เพียงพอสำหรับมนุษย์ที่จะเรียนรู้ไปตลอดชีวิต เมื่อเราเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้น และรักตัวเองได้มากขึ้น เราก็จะเข้าใจและรักผู้อื่นได้มากขึ้นเช่นกัน และนี่เองคือ "ความสำเร็จ" ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

สำหรับพริม ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะ "ปิด" เสียงในหัว ที่คอุยเฆี่ยนตีว่าเราไม่ดีพอ และต้องเก่งกว่าคนอื่น หรือไปข้างหน้าตลอดเวลา เพราะปัจจุบันก็คือปัจจุบัน เราอยู่กับปัจจุบันเพื่อทำสองอย่างข้างต้น นั่นคือรู้จัก และรักตนเอง ตอนนี้เราเริ่มบอกตัวเองว่า "I will be present for me" - "ฉันจะอยู่กับปัจจุบัน (และเป็นของขวัญ) เพื่อตัวเอง" เราจะไม่แสวงหาผลประโยชน์อื่นใดจากปัจจุบันนอกจากเพื่อเป็นความรัก - และแค่การเป็นความรักก็เพียงพอแล้ว