แต่ก่อนเราอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเองเยอะมาก และพบว่า เราไม่สามารถนำเทคนิคไหนมาใช้ได้อย่างจริงจังเลย ไม่ว่าจะเป็นการทำ Time Boxing การใช้ Priority Metric หรือ Pomodoro แต่วันนี้เราได้เจอวิธีทำให้ตัวเอง Productive แล้ว มันคืออะไร มาดูกัน
ช่วงนี้เราสลับมาทำงาน "ตามสัญชาตญาณและอารมณ์" เช่น วันนี้มีสอนพิเศษ ก็ปลีกตัวไปสอน แล้วนั่งทำงานอื่นๆ ที่เรา Feel like doing ต่อที่ร้านกาแฟที่สอนพิเศษนั่นแหละ เราพบว่างานเสร็จไว้ขึ้นมาก และมีคุณภาพด้วย
แต่ไม่ใช่ว่ามันปราศจากการวางแผนเสมอไป เราได้ค้นพบวิธีวางแพลนแบบ Slow Productivity นั่นคือ แบ่งแพลนงานออกเป็น 4 ส่วน
🍀 ส่วนแรก คือ "Monthly Plan" เป้าหมายหลักของเดือนนี้ - เลือกแค่ 1-2 เรื่องเท่านั้น ย้ำ! "1-2 เรื่องเท่านั้น" เอาแค่เรื่องที่สำคัญกับเราจริงๆ ที่มันจะเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้น
🍀 ส่วนที่ 2 คือ "งานสนับสนุน" เป็นงานที่ไม่ทำก็ได้ และทำเฉพาะเมื่อจำเป็น เช่น ของเราคือ งานแปล ซึ่งเราสามารถส่งให้ทีมทำก็ได้ แต่เราจะทำต่อเมื่อเราร้อนเงิน (55) ทำไมต้องมีส่วนนี้? เพราะเราจำเป็นที่จะต้องขีดเส้นว่า "งานที่จะไม่ทำ" คืออะไรบ้าง หลายครั้งเราเสียเวลาหยุมหยิมกับการตอบเมล์ หรือกับงานที่ทำให้คุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้นแค่นิดเดียว เราต้อง "เลือกและคัดทิ้ง" งานที่อยู่นอก Priority ด้วย
🍀 ส่วนที่ 3 คือ "ตารางรายสัปดาห์" เช่นในรูปประกอบบทความ จะต้องมี Hilight ประจำวัน และช่วง Deep Work Time Block ว่าเราจะเน้นทำตอนไหน ช่วงเวลานั้นห้ามใครรบกวน และให้เราใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีลงกับงาน จะเห็นว่าเรามี Deep Work แค่ 13.00-16.00 วันจันทร์-พุธ เท่านั้น เวลานอกจากนั้นใช้สำหรับ Daydreaming อ่าน ดู อะไรที่เราสนใจ
🍀 ส่วนที่ 4 คือ "Reflection" เน้นถามว่า
⭐️ เป้าหมายหลักคืบหน้าไปกี่ %
⭐️ งานไหนใช้เวลาเยอะแต่ไม่คุ้มค่า
⭐️ เรารู้สึก "ภูมิใจ" อะไรในเดือนนี้
⭐️ เดือนหน้าจะปรับจังหวะการทำงานอย่างไร
จริงๆ ตอนนี้ก็ถึงตอนต้อง Reflect (ข้อ 4) แล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ เราลองวิเคราะห์ดูเลยละกัน
⛵️ ตอนนี้เป้าหมายคืบหน้าไป 30% เพราะเราอยากลง Scalable Product และได้ทำจริง ด้วยการลงหนังสือขาย 7 ปกใน E-Reader Platform แม้ยอดขายจะยังไม่มาก แต่ถือว่ามีตลาด เพราะเราตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูง ยังไงก็ตาม การลง E-Book ไว้ในร้านขายหนังสือออนไลน์จะทำให้มันติดคำค้น เป็นการลงทุนระยะยาว
⛵️ งานที่ใช้เวลาเยอะแต่ไม่คุ้มค่า อันนี้ยังไม่มี แปลกใจมากที่ทุกงานมีประสิทธิภาพหมดเลย
⛵️ รู้สึก "ภูมิใจ" ที่ E-Book ขายได้ และมีร้านหนังสือออนไลน์ติดต่อให้เอาไปวางขาย ทั้งศูนย์หนังสือจุฬาฯ และ Hytexts
⛵️ เดือนหน้าจะปรับจังหวะการทำงานอย่างไร? อันนี้คิดว่าที่เป็นอยู่กำลังดี อาจจะปรับแค่ช่วงพัก ที่ให้สมองได้พักจริงๆ เช่น นอนเล่นฟังเพลง
ทีนี้จะมาบอกว่า การ Productive แบบขี้เกียจคืออะไร ถ้าทุกคนสังเกต ส่วนแรกของการวางแผนคือ "เป้าหมายรายเดือนแค่ 1-2 อย่างก็พอ" อย่าตั้งเป้าเยอะเกินไป อย่าทำ To-Do List เยอะเกินไป แค่จดจ่อกับช่วงเวลานี้พอ แล้วก็ทำแค่ที่ตั้งใจไว้ 1-2 อย่างนั้นให้ดี เผื่อเวลาพักให้ตัวเองได้ Daydreaming บ้าง (ในตารางรายสัปดาห์จะเห็นว่า เราทำงานแบบ Deep Work จริงๆ แค่ 3 วัน ต่อสัปดาห์ ทีละครึ่งวัน)
ในหนังสือ Slow Productivity ได้เล่าถึงนักเขียน New York Times คนหนึ่ง ที่ใช้เวลาเป็นเดือนๆ นอนคิดงานใต้ต้นไม้ คนเราต้องการ Flow แบบนั้นแหละ คือ มีเวลาที่เป็นอิสระ ไม่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ตอนนี้ชีวิตเราก็เป็นประมาณนั้นเลย มีเวลาให้นั่งและนอนเล่น (แม้ตอนนี้รายได้จะยังไม่เยอะ แต่มีเวลาเยอะ ก็รู้สึกขอบคุณแล้ว)
เราเชื่อในการทำงานให้มีคุณภาพ มากกว่าทำออกมาทีละเยอะๆ หรือทำตัวให้ดูยุ่งตลอดเวลา การทำทุกอย่างให้ "ช้าลง" จะทำให้งานแต่ละอย่างที่ทำมีความหมายมากขึ้น
แล้วคุณล่ะ ทุกวันนี้มีพฤติกรรมไหนของตัวเองที่ "Productive แบบขี้เกียจ" บ้าง ไหนเขียนมาเล่าให้ฟังเร็ว รออ่าน